อรทัย ชะฟู

ผู้ทำงานกับผู้ป่วยระยะสุดท้าย และผลงานหนังสือ “ วันนี้คือของขวัญของชีวิต”

ครูเกด เป็นส่วนหนึ่งที่เพาะเมล็ดแห่งความรักดีงามในตัวจิ๋ม เป็นจุดเริ่มต้นให้มาดูแลเรื่องของจิตใจ จิตวิญญาณ เรียนรู้ภายใน จากการใช้ชีวิตให้เห็น ไม่ได้สอน หรือยัดเยียดไม่ต้องพูดคำสวยหรูไพเราะ สอนปรัญญาชีวิต บางครั้งแค่รอยยิ้ม จากใจ อ้อมกอดแห่งรักเมตตา ก็มีคุณค่าพลังมหหาศาลในการเยียยยาต่อตัวเขาและเรา ให้เข้าใจความเป็นจริงจากการปฏิบัติจากสภาวะของเราเอง การดำเนินชีวิตในแต่ละวัน จิ๋มได้เห็นความเชื่อมโยงภายนอกสู่ภายใน ได้เจอผู้คนที่กำลังเผชิญความเจ็บป่วย จิ๋มได้ทำความเข้าใจในตัวเขาอย่างที่ ได้จากครู
นึกถึงคำพูดของครู ชีวิตมันก็ชั่วขณะหนึ่ง มันเตือนสติเราได้ดีมาก ให้เรารับรู้เท่าทัน แล้วเราก็จะผ่านวันยากๆไปได้อย่างเบิกบาน จิ๋มไม่รู้วันสุดท้ายจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ มีความสุขกับการที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนป่วยที่สิ้นหวังกลับมามีพลัง อีกครั้ง คือยาคีโมทางจิตวิญญาณเข็มที่วิเศษที่สุด
ครูเกด เยียวยาจิ๋มด้วยความรัก และทักษะทั้งหมดที่มี ครูเป็นคนแรกที่ทำให้จิ๋มรู้จักกับการกอด อ้อมกอดที่สัมผัสได้จากหัวใจ ทำให้จิ๋มเข้าใจถึงคุณค่าที่แท้ในตัวเอง ไม่ไช่จาก ปัจจัยภายนอก ใส่ใจในเรื่องเล็กๆ ในวิธีคิด แต่มีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่ออารมณ์และร่างกาย ได้รู้วิธี การเยียวยาความทุกข์ที่เกิดจากมะเร็ง ได้จากการที่ครูดูแลและแนะนำ แนวทางต่างๆ การเขียนบันทึก การทำงานศิลปะ การอ่อนโยนกับตัวเอง การฝึกโยคะแห่งสติ และทำความเข้าใจกับตัวเอง ครูดูแลจิ๋ม และก็วันนี้จิ๋มก็ได้เอาไปแบ่งปันกับผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ทำให้ผู้คนเหล่านั้นมีความหวัง
ที่แปรเปลื่ยนเป็นพลังที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข

สุนทรา บัฟเวล

ผู้อำนวยการบัญชี

การค้นพบความสุขภายใน
ฉันเคยมีความสุข สามีรักฉันและฉันก็รักเขา
เรามีทุกๆสิ่งในชีวิตที่เราปรารถนา แต่ฉันเป็นคนกลับรู้สึกไม่มั่นคง ไม่ทำอะไรให้ง่ายๆและมีความวิตกกังวล
เพราะว่า ลึกๆแล้วฉันไม่สามารถค้นพบสันติสุขภายในตัวเอง
ฉันรับการปรึกษากับครูเกด ก็ตอนที่สุขภาพฉันย่ำแย่ ฉันได้ฝึกโยคะแห่งสติและเรียนรู้เกี่ยวกับนพลักษณ์ ทั้งสองอย่างช่วยให้ฉันได้ออกกำลังทั้งกายและใจ เพราะจิตใจและอารมณ์นั้นสัมพันธ์กัน
ฉันเรียนรู้ที่จะกังวลน้อยลง มองดูงานและชีวิตด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิม และที่สำคัญที่สุดคือฉันเรียนรู้จักกับการปล่อยวาง และอภัยให้ตัวเอง
ฉันเรียนรู้จักการรักตัวเองและผุ้อื่น และก็เคารพคนอื่นพอๆ กับตัวเอง
ฉันเรียนรู้จักความสุขกับสิ่งง่ายๆ และใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่อดีตหรืออนาคต
ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันได้ค้นพบความสงบสุขภายในตัวเอง

ณัฐยา เดวิดสัน

ธุรกิจส่วนตัว

การได้ทำงานกับพี่เกดช่วยให้ฉันจัดปรับการใช้ชีวิตใหม่ ทำให้สามารถจับความคิดของตัวเองได้ พี่เกดเป็นนักฟังที่ดี และช่วยให้ฉันค้นพบตัวเอง ค้นพบรูปแบบวิธีคิด อารมณ์ที่ที่ซ้อนเร้น ที่ไม่เคยค้นหามาก่อน และทำให้ฉันพบว่าฉันคือครูของตัวเอง ไม่มีใครที่จะรู้จักตัวเราได้ดีเท่าตัวเราเอง และไม่มีใครช่วยให้เราพ้นทุกข์ ได้ยกเว้นตัวเอง
ตอนนี้ฉันมีเครื่องมือที่จะช่วยให้เท่าทันตัวเองและพร้อมที่จะดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าได้มั่นใจขึ้น รู้ความต้องการตัวเอง พี่เกดช่วยให้ฉันเห็นและเข้าใจตัวเองและผู้คนได้ดีขึ้น ตัดสินตัวเองและผุ้อื่นน้อยลง และมีความสุขกับชีวิต รู้จักที่จะดูแลตัวเอง หลังจากที่เสร็จการอบรมกับครูเกด ฉันก็ได้แนะนำพี่สาว น้องสาวและแม่ทำงานกับพี่เกดด้วย ตอนนี้พวกเราทั้งครอบครัว คุยกันมากขึ้น คุยกันอย่างมีสติ และเข้าใจกันและกันได้ดีขึ้น

มัลลิกา พิรุณละออ,

ครูโยคะ

10 วันที่ทำให้รู้จักตัวเอง เข้าใจและเรียนรู้สิ่งรอบๆ ตัวเราในทุกๆ วัน มันเป็นห้องเรียนที่วิเศษที่สุดที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเรียนรุ้ เป็นบทเรียนที่สำคัญและมีค่าที่สุดในชีวิตของการเรียนรู้ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น yoga teacher training class หรือนพลักษณ์ ทำให้ตอบคำถามให้กับตัวเองได้ว่าเรารู้จักโยคะมากน้อยเพียงใด เข้าใจและรู้จักตัวเองมากน้อยอย่างไร ทั้ง2 class สามารถนำมาใช้ด้วยกันอย่างดี
ถ้าไม่ได้มาที่นี่คงพลาดสิ่งดีๆ ในชีวิต ที่ไม่สามารถจะหาจากที่ใดได้ ขอบคุณสำหรับความรัก ความอบอุ่น และความรู้ที่มอบให้ค่ะ ที่ขาดไม่ได้คือ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ ทุกมื้อและสาวน้อยลำธารที่เป็นสีสันให้ชีวิตค่ะ

มินตรา มันตรา

เจ้าของกิจการ ฟ้าฮ่าม Indigo

พอได้เรียนรู้โยคะแห่งสติกับครูเกดทำให้เข้าใจ โยคะดีขึ้นและมีความสุขกับการฝึกโยคะ เพราะไม่ต้องแข่งขันกับใคร ยิ่งได้อบรมนพลักษณ์เพิ่มเติมด้วย ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะแสดงพลังออกมา ขอบคุณครูเกดที่ทำให้มองมาที่ตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าของตัวเอง ได้เข้าใจคนที่อยู่ข้างๆ ทำให้ชีวิตคู่ปรับเข้ากันได้มากขึ้นและมีสติกับการดำรงชีวิต มีความสุข”

อนัญญา ฐิตนันทบุตร,

ครูโยคะและธุรกิจส่วนตัว

การมาเรียนครั้งนี้ ไม่ใช่ได้แค่โยคะและนพลักษณ์ แต่ยังได้เห็นและรับความเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ความเป็นกันเอง ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดินเข้าไปในบ้านถึงแม้เจ้าของบ้านจะไม่อยู่ จนถึงวันสุดท้ายก็ไม่เปลี่ยนแปลงมีแต่เพิ่มมากขึ้น นพลักษณ์ทำให้ตาลได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น ที่สำคัญครูไม่ได้สอนเพียงแค่ทฤษฏี แต่ครูสอนปฏิบัติให้เห็นจากชีวิตจริงของครู กับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และแก้ไขให้มันผ่านไปได้ดี ตาลจะทำตามที่ครูทำให้เห็น ครูแนะ จะฝึกเขียนให้มากขึ้น ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเรียนกับครูอีกค่ะ
ขอบคุณครูเกดและทุกคนรอบๆบ้านที่ทำให้รู้สึกดี อบอุ่นเหมือนเป็นญาติค่ะ

หมอวัชรินทร์,หมอมานิส รัตนมาศ,

แพทย์ศิริราชและแพทย์รพ.กรุงธนบุรี

‘ดีกว่า หลายพันวันของการศึกษาขยันเป็นวันหนึ่งกับครูที่ดี ‘

สายพิณ อันนูลว

อายุ 45 ปี ธุรกิจส่วนตัว

ได้ฝึกเรื่องการเป็นผู้เฝ้าสังเกต ฝึกให้คิดก่อนทำ ด้วยการสูดลมหายใจ หรือรับรู้ความรู้สึกของร่างกายเมื่อมีอารมณ์ต่างๆ ฝึกสังเกตความคิด เพียงแค่เดือนที่สอง ที่สาม มันทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปจากคนที่ร้อนผลุนผลัน เจ้าอารมณ์ กลายเป็นคนที่เย็นลง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เคารพในความคิดของผู้อื่น ใช้สติ ตั้งสติและคิดก่อนพูด แล้วสื่อสารให้มากมาก กับคนที่สำคัญในชีวิต สื่อสารสิ่งที่เราคิด รู้สึกและบอกความต้องการ ตัวเองเป็น ไม่เก็บเงียบไว้คนเดียว
ครั้งแรกเริ่มที่ใด้สื่อสารกับครู ฉันก็จะเอาแต่ร้องให้และเต็มไปด้วยความเครียดแค้น

ครูใด้ชี้แนะมุมมองใหม่ๆ วิธีการกระทำใหม่ๆ เช่นการทำความรู้จักกับความโกรธ การดูแลความต้องการของตัวเองและเข้าใจความต้องการผู้อื่น ฉันสามารถมองโลกในแง่บวกมากกว่าทางลบ รู้จักฟังผู้คน คิดก่อนทำ ใจเย็นขึ้น และมีชีวิตที่สุขสงบขี้น ฉันและสามี เข้าใจ และเห็นใจกันและกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อคนที่ฉันโกรธ เกลียดได้

โชคดีที่ได้รู้จักกับครูเกด ที่เป็นนักบำบัดที่เก่งมาก และเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต สิ่งที่ครูบอกคือสิ่งที่ครูทำ ครูทำให้เห็น และเป็นโค้ชให้เรา แนะเราว่าจะต้องทำตัวอย่างไรในเวลาที่ชีวิตยุ่งยาก ครูทำให้เราใด้เรียนรู้จากประสบการณ์ของชีวิตเราว่าในบางครั้งชีวิตคนเรามันไม่เป็นอย่างที่ทุกคนต้องการ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เราต้องยอมรับมันให้ใด้ มองบวก กระทำบวก และเปลี่ยนที่ตัวเราเอง และทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นมาเอง

ดาวรุ่ง โคบาลล์

ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท SME ERP It Consulting จำกัด

จากการที่ได้ศึกษานพลักษณ์และทำงานกับตัวเอง กับครูเกดมา 20 ชั่วโมง ถ้าจะบอกว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ก็คงจะพูดได้เต็มปาก เพราะเราคิดว่า(เรา)เองที่เรารู้จัก จริงๆแล้วมันไม่ใช่เราในแบบที่เราคิด เราพยายามเสแสร้งกับตัวเอง เล่นตลกกับตัวเอง หลอกตัวเองมาตลอด ว่าเราเป็นคนเข้มแข็ง เราเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เราเป็นคนที่คิดว่าเรามีแต่ด้านดีๆมากกว่าด้านที่แย่ เรา ที่คิดว่าเราคิดถูก ทำถูก จนมาถึงวันที่ต้องรู้จักตัวเองคือวันที่คุณเกดให้การบ้านให้เราทำงาน คือตั้งคำถามกับตัวเอง และเฝ้าสังเกตความคิด อารมณ์และการกระทำ ผลที่ออกมา เรารับตัวเองไม่ได้ รับตัวเองไม่ได้เลย มันฟังตลกแต่มันคือเรื่องจริง เราเพิ่งจะเห็นตัวตนเราเองจากมุมมองที่ต่างออกไปก่อนหน้านี้ทั้งชีวิตที่ผ่านมา วันนี้เราต้องยอมรับด้านแย่ๆของตัวเอง มันเหนื่อยใจ มันหนักใจ มันรู้สึกทั้งตกใจ รังเกียจตัวเอง สับสน กังวล เหมือนโลกมันมืดมิด….. แต่หลังจากที่เปิดใจยอมรับตัวเอง มันรู้สึกว่าโลกนี่สดใส รู้สึกเหมือนตัวเองบินได้เพราะมันรู้สึกถึงความเบาสบายในตัวเอง ได้พยายามเรียนรู้และปฏิบัติตามที่ครูเกดแนะนำ มันทำยากในช่วงแรกๆเพราะเราไม่เคยและไม่ชิน แต่พยายามไปหลายๆครั้งก็ทำให้รู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ไม่ได้ยากเท่าไหร่ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง หลังจากเปิดใจ ผลที่ได้คือ ทำให้เราได้เข้าใจถึงอารมณ์ตัวเอง ตามความรู้สึกตัวเองได้ทันท่วงที มีสติมากขึ้น เข้าใจตัวเอง และรู้สึกว่าเราน่ารัก รักตัวเองมากขึ้น ต่อคนรอบข้าง หลังจากที่ได้เรียนรู้การพัฒนาตัวเองจากนพลักษณ์โดยที่มีครูเกดเป็นผู้ชี้แนะ ทำให้เพื่อนพูดคุยกับเรามากขึ้น ทำให้ลูกเข้าใจเรามากขึ้น ทำใหสามีชื่นชมและบอกรักเรามากขึ้น และทำให้ตัวเราเองมีความสุขมากขึ้น ครูเกดคือคนที่ถือกระจกมาให้รุ่ง ทำให้รุ่งเห็นภาพตัวเองอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก และครูเกดที่ทำให้รุ่งกล้าเปลี่ยนตัวเอง รุ่งขอกราบขอบคุณครูเกดมากๆค่ะที่ทำให้รุ่งมีชีวิตใหม่ เป็นรุ่งคนใหม่ สิ่งที่ได้จากครูเกด มีเงินมากมายก็หาซื้อไม่ได้ เพราะถ้ามีคนเราเงินมากองให้รุ่ง10ล้าน รุ่งก็คงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้เพราะไม่รู้จักตัวเอง

มาริสา ชุมเกตุ,

แอร์โฮสเตส และครูโยคะ

ก่อนหน้าที่จะได้เรียนโยคะกับครูเกด มีคำถามว่า “ทำไมฉันถึงไม่มีความสุข”? อึดอัดกับอารมณ์ และจำเป็นต้องหาทางออก
ตอนนั้น ยังไม่รู้จักความหมายของคำว่า “อวิชชา” เมื่อมาศึกษาโยคะจึงได้รู้จักอวิชชา สี่อย่างซึ่งได้แก่ ราคะ (ความอยาก ได้ที่มากเกินไป) อัสมิตตา (ความเป็นตัวตน) ทเวสา(ความเศร้า) และ อภินิเวสา(ความกลัว) รากของอวิชชา มันกำลังหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจ
เมื่อได้เจอครูเกด ครูช่วยสะท้อนตัวตนอีกด้านออกมาให้เห็น รู้จักตัวเองมากขึ้น การเดินบนเส้นทางโยคะ กับข้อปฏิบัติ ของผู้ฝึกโยคะ อันได้แก่ ยามะ นิยามะ และการฝึกอาสนะ ปราณยามะ สามารถพาเราไปค้นพบสมาธิ และปัญญา

ครูเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตแบบครูโยคะที่ดี ในเรื่องของทัศนคติต่อตัวเองและผู้คนรอบข้าง ทุกวันนี้ ดิฉันนำโยคะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
ด้านอารมณ์ดีขึ้นมาก ไม่เก็บอะไรๆที่จุกจิกกวนใจ ทั้งเรื่องงาน ครอบครัว
ถ้าไม่ได้เจอครูเกด และเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียก่อน คงเป็นครูโยคะที่ดีไม่ได้แน่ อาจจะหลงไปตามกระแส และเส้นทางโยคะคงเต็มไปด้วยขวากหนามและอุปสรรค แต่ครูชี้แนวทางที่ถูกต้องให้
แนวทางการสอนโยคะแบบบำบัดของครู
ดิฉันได้เอาไว้ช่วยนักเรียนเวลาเขามาปรึกษาเรื่องการบาดเจ็บ และ ส่วนตัวได้ใช้ตลอด เช่นปวดท้อง ซีจะเริ่มหายใจให้มีคุณภาพ จากนั้น ใช้อาสนะช่วย หายจริงๆค่ะ อาการเบาเทาลงได้

นอกจากนั้นยังค้นพบความลับหลายอย่างของลมหายใจ ขอบคุณเส้นทางโยคะที่ให้ดิฉันได้พบครูผู้ชี้ทาง และช่วยให้ค้นพบจิตวิญญานของตัวเอง

ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ

นักเขียน

ผมเห็นสีของท้องฟ้าเปลี่ยนไป ชีวิตผมเบาขึ้น และจับพลัดจับผลูเขาก็โชคดีได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า enneagram ได้รู้ว่าปราชญ์โบราณมีการครุ่นคิดเกี่ยวกับแรงผลักดัน ๓ อย่างอันทำให้คนแต่ละคนมีพฤติกรรมต่าง ๆ นา ๆ คือความกลัว, ความละอาย และความโกรธ ซึ่งแรงผลักดัน ๓ ชนิดนี้มีในทุกคนในสัดส่วนมากน้อยต่างกัน พิเคราะห์แล้วท่านก็จำแนกลักษณะมนุษย์ออกเป็น ๙ ลักษณ์เด่น และแต่ละลักษณ์ก็จะมีพฤติกรรมข้างเคียง (wing) และชั่วขณะที่มีสภาวะมั่นคงหรือสภาวะเสี่ยงพฤติกรรมของลักษณ์นั้นจะผันแปร (arrow) ไปยังลักษณ์อื่นที่สอดคล้องด้วย

ความน่าสนใจของลักษณะทั้ง ๙ หรือนพลักษณ์นี้ อยู่ที่ปริมาณของแรงกระตุ้นและส่วนผสมของมันสามารถแตกไลน์ (variation) ไปได้นับอนันต์ มันจึงเป็นศาสตร์ชนิดที่แม้จะกรุ๊ปให้ง่ายต่อการศึกษาแต่ยังรักษาความแตกต่างยิบย่อย
ของแต่ละปัจเจกเอาไว้ได้ – นั่นข้อหนึ่ง

แต่ที่น่าสนใจจนต้องมานั่งเคาะแป้นโพสต์ให้อ่าน ก็เพราะ enneagram ในสองวันที่ผ่านมา ช่วยให้เขามองเห็นตัวเองได้ชัดขึ้น มันมีคำอธิบายพฤติกรรมในอดีตราวกับว่าเขาเป็นก้อนโรตีที่ถูกอาบังฟาดสะบัดลงบน
โต๊ะ ได้รู้ว่าที่จริงแล้ว กรูก็ไม่ได้แน่อะไรนัก และคนในลักษณ์อื่น ๆ ก็เข้าท่าน่าคบได้พอ ๆ กับลักษณ์ของกรู สรุปคือ ไม่เคยรู้สึกว่าถูกตีแผ่หมดเปลือกขนาดนี้

มันเป็นศาสตร์ที่มนุษย์ทุกคนควรรู้นะ รู้เพื่อจะได้รู้ว่ามนุษย์ทุกคนก็เก่ง ดี วิเศษ และโง่ เลว ระยำได้พอ ๆ กัน ไม่ต่างกัน นอกจากจะช่วยให้เราเหยี่ยบยืนบนโลกได้มั่นคงขึ้นแล้ว ความเข้าใจว่ามนุษย์เรามีความแตกต่างไม่ต่างกัน(อ่านแล้วงงไหม)จะช่วยให้มนุษย์ทุกคนมีเมตตาต่อกันได้ – จบดื้อ ๆ แค่นี้แหละ

– ขอบคุณ Kessuda Chataya ผู้จุดประกาย ชี้แนะและนั่งฟังอย่างอดทน

วรรณา ฮาร์ริสัน,

Alternative therapist, เจ้าของกิจการ

เกิดคำถามขึ้นมากมาย จากบุคคลรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงว่าทำไม นาต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากอังกฤษมาเมืองไทย แล้วขับรถจากเกาะช้างมาถึงเชียงราย… เพื่อที่จะมาเรียนโยคะกับเอ็นเนียแกรมกับครู???
ณ วันนี้นาได้ค้นพบคำตอบแล้วว่าทำไม เป็นคำตอบที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรได้ มันรู้สึกปิติ ยินดีจากส่วนลึกของจิตใจที่นาได้รับจากครูผู้เป็นต้นแบบของการใช้ชีวิต เป็นผู้ให้ เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงและสัมผัสได้ว่า “จริง” ครูทำให้ ชีวิต “ติดปีก” ทำให้รู้ว่าชีวิตเราจะเดินไปทางใด ครูทำให้ค้นพบคำว่าความ พอดี จากที่เคยวิ่งวุ่น ..ทุกความรู้และประสบการณ์กับช่วงเวลาหนึ่งที่ยิ่งใหญ่และมีค่า นาจะนำไปใช้ประโยชน์กับชีวิตและสังคมให้มากที่สุดเท่าที่นาจะทำได้ค่ะ

กนิษ เที่ยงธรรม (บ๊วย)

เจ้าของกิจการร้านถักทอ

เป็นการเรียนโยคะที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการค้นหาตัวตนที่แท้จริง เพราะเป็นโยคะแห่งสติ สำหรับพี่คิดว่าทุกอาสนะที่ครูเกดสอนมาเหมาะกับพี่ทั้งร่างกายและวัย ทุกๆอาสนะที่ครูเกดสอนมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมหัศจรรย์(ถ้าทำได้ ) บอกตามตรงว่าพี่หาครูสอนโยคะแบบนี้มานาน4-5 ปี แล้ว และเพิ่งรู้ตัวเองว่า ” ใก้ลเกลือ กินด่าง ” เพราะครูเกดอยู่ที่เชียงรายนี่เอง และเคยมาที่ร้านหลายครั้ง ลูกศิษย์ของครูเกดแต่ละคนเขามาจากที่ไกลๆเพื่อมาเรียนกับครูเกด แต่พี่สิดั้นด้นเสาะหาเคยไปถึงอินเดียมาแล้วค่ะ แต่ไม่ลุก (คำเหนือ แปลว่าไม่สำเร็จ )

จิตติพร ตงศิริ นะลำเลียง,

ธุรกิจส่วนตัว

โชค ดีที่ได้เรียนทั้งโยคะและ enneagram กับครูเกด เป็นการเรียนที่สบาย ๆ
เรื่อย ๆ ค่อย ๆ ไป ไม่เร่งเร้า แต่มีจังหวะที่ลงตัวอย่างประหลาด เรียนแล้วติดใจอยากเรียนต่อไปเรื่อย ๆ คงด้วยเพราะความเย็น อ่อนโยน และเป็นมิตรของครูเกดเองที่ทำอ้อรู้สึกว่าผ่อนคลายลงเยอะ เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการฝึกตนและรู้จัก+เข้าใจตัวเอง จะคอยถูกแทรกเข…้ามาอย่างแนบเนียนทั้งขณะพูดคุยกันและฝึกโยคะ…เป็นประสบการณ์ที่ดีมากและมีประโยชน์มากช่วงหนึ่งของชีวิตเลยทีเดียวค่ะ

ปรีณา พยุงวงศ์, ผู้อำนวยการ

The Network- Action Research

เพียงแค่ได้รู้จักในแว็บแรก เมื่อ 5 ปีก่อน ก็รู้สึกถึง ความจริงแท้… สัมผัสได้ถึงมิตรภาพ ในความทรงจำนั้น ทำให้อยากรู้จักมากกว่านั้น แต่ก็ไม่มีดาวบนฟ้าดวงไหนพาให้มาเจอ จนถึงตอน Workshop กับ Gil เป็นการค้นพบควาทรงจำนั้นอีกครั้ง และก็ทำให้ต้องการมาเชียงรายตลอด ปีกว่าที่ผ่านมา ขอขอบคุณค่ะที่ให้ความทรงจำนี้
ประทับใจ ได้ทำงานตามที่วางแผนไว้ ทีแรกคิดว่าจะไม่เรียนเพราะกลัวงานไม่เสร็จ แค่มาหาที่สงบ แต่เมื่อได้คุย
ไม่ เรียนไม่ได้ค่ะ และคงจะเสียดาย ดีใจที่ตัดสินใจถูก
ขอขอบคุณบท สนทนาด้านใน คลี่คลาย ค้นพบสิ่งที่หายไปว่ายังหายไปอยู่ แต่ต้องตามกลับคืนมา “ตามหาความรู้สึก” หายไปจากชีวิตตอนไหนไม่รู้