ตอนที่หนึ่ง: วิธีค้นหาบุคลิกภาพหรือตัวตนหลักตามทฤษฏีนพลักษณ์
เกศสุดา ชาตยานนท์ บุญงามอนงค์
นพลักษณ์
เป็นเหมือนศาสตร์ทางจิตวิทยาหนึ่ง ที่นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับมนุษย์ตามบุคลิกต่างๆ ได้อย่างลุ่มลึก หลากหลายมิติและแง่มุม เฉกเช่นเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ เป็นศาสตร์ที่ทรงพลังในการศึกษาบุคลิกภาพของคนที่มีเก้าลักษณะ โดยแต่ละลักษณะมีวิธีการมองโลกและกระทำต่อสถานการณ์ต่างๆ ต่างกัน
การเจริญสติ
สติคือ ผู้เฝ้าดู คือความสามารถในการจำได้ ตระหนักและ รับรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อันสัมพันธ์กับตัวเรา และภายในตัวเรา โดยเฉพาะความคิด ความรู้สึกและการกระทำ ในแต่ละขณะ มองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงอย่างไม่ตัดสิน ( หรือถ้าตัดสินก็รับรู้ว่ามีความคิดตัดสินเกิดขึ้น ) การเจริญสติ ก็คือการพัฒนาการดำรงจิตให้อยู่กับปัจจุบัน และรับรู้สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายในได้ต่อเนื่องมากขึ้น
นพลักษณ์และการเจริญสติ
การเจริญสติจะช่วยให้ผู้ที่ศึกษานพลักษณ์ เรียนรู้ที่จะช้าลง เพื่อที่จะสังเกต และจดจำความคิด อารมณ์ ความรู้สึกและการกระทำ ไม่ว่าจะเราจะชอบหรือไม่ชอบ ไม่ว่าจะอยากให้มีอยู่หรืออยากจะผลักใส ปิดบังมันเอาไว้ แต่อารมณ์ ความรู้สึกทางร่างกายและการกระทำนั้นเกิดมาจากความเชื่อของเรา ซึ่งบอกให้รู้เกี่ยวกับตัวตนของเรา สติซึ่งเป็นเฝ้าดูจะช่วยให้เห็นความคิดที่เกิดขึ้นตามจริง แล้วเราก็จะค้นพบตัวตน และลักษณ์หลักของเรา โดยเฉพาะรูปแบบความคิดที่มักจะสร้างปัญหาและความทุกข์
นพลักษณ์ มีข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผล เข้าใจได้และตรวจสอบได้เกี่ยวกับรูปแบบความคิด ความเชื่อของคนแต่ละลักษณ์นั้น การฝึกสติร่วมกับการเรียนรู้นพลักษณ์ จึงจะสามารถช่วยให้เราพัฒนาการตระหนักรู้ที่มีต่อตัวเอง กรุณาและยอมรับตัวเอง และผู้อื่น อีกทั้งช่วยฝึกให้เราเป็นอิสระจากความคิดความเชื่อนั้น (ศึกษาเพิ่มเติมในบทต่อไป)
ประสบการณ์ในการเรียนรู้ตัวเองจากผู้เรียนนพลักษณ์คนหนึ่ง
“จากการที่ได้ศึกษานพลักษณ์และทำงานกับตัวเอง มา 20 ชั่วโมงกับครูเกด ถ้าจะบอกว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ก็คงจะพูดได้เต็มปาก เพราะฉันคิดว่า ตัวฉันที่ฉันเคยรู้จัก จริงๆแล้วมันไม่ใช่ฉันในแบบที่ฉันคิด ฉันเคยคิดว่าฉันมีแต่ด้านดีๆมากกว่าด้านที่แย่ และก็คิดเสมอว่าความคิดของฉันนั้นมักจะถูกเสมอ แต่เมื่อได้ศึกษาทำความรู้จักตัวเองจริงๆ ก็พบว่าฉันเสแสร้งและหลอกตัวเอง พยายามที่จะปิดบังซ่อนเร้นความเปาะบาง อ่อนไหวในตัวเองด้วยการแสดงออกว่าเป็นคนที่เข้มแข็ง และมั่นใจในตัวเอง เพราะด้วยความกลัวที่ซ่อนอยู่ภายใน”
ดาวรุ่ง โกลเบ้ นักศึกษาปริญญาโทด้านการให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยา
อาจจะมีคนหลายคนที่คิดเหมือนดาวรุ่งว่า ฉันรู้จักตัวเองดี แต่อาจจะไม่ได้ตระหนักว่าสิ่งที่รู้นั้นเป็นความรู้ที่ผิวเผิน ไม่ใช่ทั้งหมดที่สมบูรณ์เกี่ยวกับตัวเอง
มนษย์เรานั้นมีหลากหลายมิติ หลายแง่มุม มีทั้งด้านที่เราชอบและไม่ชอบ ด้านที่เราเปิดเผยและซ่อนเร้น ซึ่งเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่สิ่งที่ถูกเรียกรวมว่าเป็นตัวเรา
ฉันรู้จักตัวเอง เช่น ฉันรู้ว่าฉันชอบและไม่ชอบอะไร ฉันคาดการณ์ได้ว่าฉันจะทำแบบไหน
การรู้เท่าทันตัวเอง: ฉันสังเกตเห็นความคิด อารมณ์ และการกระทำว่าฉันมีแนวโน้มที่จะทำแบบนี้ แบบนั้น ต่อสิ่งที่ฉันชอบหรือไม่ชอบ
การที่จะรู้เท่าทันและเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง ด้วยความเป็นจริงและแท้จริงนั้น คุณต้องการการเรียนรู้นพลักษณ์อย่างมีสติด้วย เพราะการฝึกการเจริญสติจะช่วยให้ผู้เรียนไม่เพียงแต่รู้จักตัวเอง แต่มีความสามารถในการตระหนักรู้ เท่าทันตัวเอง มีความสามารถที่จะสังเกตความคิด ความรู้สึกทางอารมณ์และร่างกายในแต่ละขณะและสถานการณ์ และรู้ได้ว่ามันส่งผลต่อภาษาท่าทางและการกระทำของเราอย่างไร อย่างไม่ตัดสิน เพิ่มความฉลาดทางอารมณ์และช่วยให้ผู้มีฝึกฝนเรียนรู้มีความเข้าใจและตระหนักรู้ต่อผู้อื่นด้วย
นพลักษณ์เปรียบเสมือนแผนที่ที่ช่วยให้คุณค้นพบแก่นความเชื่อ ทัศนคติ ความคิดที่ติดยึด ( กิเลส) และความรู้สึกทางอารมณ์ที่มักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ แล้วยังชี้ถึงแรงจูงใจหรือแรงผลักที่สัมพันธ์กับทัศนคตินั้น กลไกในการป้องกันตนเอง คำพูด หรือความคิดที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกที่เกิดขึ้นเสมอและมีอิทธิภาพต่อการแสดงออก อีกทั้งกล่าวถึงคุณธรรมและศักยภาพสูงสุดด้วย
มีคนจำนวนหนึ่งบอกผู้เขียนว่ารู้จักนพลักษณ์มาหลายปี แต่ก็หาลักษณ์หลักไม่เจอสักที หรือบางคน เข้าใจผิดในลักษณ์ของตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นลักษณ์ใดลักษณ์หนึ่ง แต่ปัญหาเดิมๆ ยังคงเกิดขึ้น ดำเนินอยู่วนเวียน หาทางจัดการไม่ได้ ความเข้าใจผิดในลักษณ์หรือการรู้จักนพลัษณ์อย่างผิวเผิน และไม่รู้วิธีการศึกษา เช่นเพียงแค่ทำแบบทดสอบออนไลน์หรือในหนังสือ หรือเพียงแต่อ่านหนังสือ ดูวิดิโอ คุยกับคนเพียงอย่างเดียว ก็อาจจะทำให้ผู้เรียน ไม่สามารถเข้าถึงประโยชน์สูงสุดของเครื่องมือนพลักษณ์ได้ ความเข้าใจผิด ผิวเผินที่จะเห็นได้บ่อย คือการจัดกรอบให้ตัวเองหรือผู้อื่นจากลักษณะพฤติกรรมบางอย่าง และการกระทำบางอย่าง ตามคำเรียกชื่อของลักษณ์นั้นๆ เช่น
การจัดกลุ่มให้ตัวเองและคนอื่นด้วยข้อมูลหลักๆ เหล่านี้ อาจจะยังไม่เพียงพอและแม่นยำในการค้นหาบุคลิกภาพหลักได้อย่างแท้จริง คุณจำเป็นต้องฝึกสังเกตและรับรู้ถึง ความต้องการ (needs ) แรงจูงใจ ( Motivation, Drive ) ในการกระทำต่างๆ ของคุณ และผู้อื่น อีกทั้งเรียนรู้ นพลักษณ์ด้วยการทำความเข้าใจกับทฤษฏีนี้อย่างเป็นวิทยาศาตร์ คือตั้งคำถามและตรวจสอบ นำไปใช้พิจารณาและฝึกฝนประกอบการเรียนรู้
นี่คือแนวทางต่างๆ ที่คุณสามารถนำไปพิจาณา เรียนรู้ประกอบกับการอ่าน ค้นคว้า และรับฟัง เพื่อที่จะทำความเข้าใจตัวเองและค้นหาลักษณะลักษณ์ของคุณ
ให้เวลากับตัวเองในแต่ละวัน หยุดกิจกรรมทั้งหมด นั่งหรือยืนในท่าที่มั่นคง สบาย ดึงความใส่ใจมาที่ลมหายใจ หายใจลึกยาว หรือตามปกติ ( 5-10 รอบ -ขึ้นอยู่กับเวลาที่ต้องการ) แล้วเคลื่อนความใส่ใจของจิตไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย สังเกตว่าส่วนใน ดึงหรือสบาย หนักหรือเบา หรืออาการต่างๆ สังเกตและรู้สึกกับส่วนต่างๆ ตามที่เป็นจริง มีความรู้สึกทางอารมณ์อะไรบ้างไหม มีความคิดอะไรเกิดขึ้นบ้าง รับรู้และจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ตามเป็นจริง สุดท้ายก็กลับมาที่ลมหายใจอีกครั้งเท่าที่คุณมีเวลา ฝึกเช่นนี้ทุกวัน วันละสองสามรอบเพื่อพัฒนาการรับรู้ภายใน
ประโยขน์ที่จะได้รับจากการฝึกเจริญสติกับศึกษานพลักษณ์อย่างต่อเนื่องคือ
ถ้าคุณยังไม่พบลักษณ์หลัก หรือถ้าคุณรู้จักลักษณ์ของคุณ แต่ยังไม่สามารถค้นพบศักยภาพของตัวเอง ไม่สามารถจัดการและรับมือกับปัญหาความสัมพันธ์ และยังคงเครียดกับการตัดสินต่อตัวเองและผู้อื่น ถ้าคุณยังไม่สามารถค้นพบ เข้าใจและเท่าทันในความคิดความเชื่อและแรงจูงใจในการกระทำ ว่ามันส่งผลต่อการกระทำในชีวิตเราอย่างไร หรือคุณต้องการเรียนรู้ว่าจะใช้นพลักษณ์ะอย่างไรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
หากคำแนะนำเหล่านี้ซับซ้อน ยากแก่ความเข้าใจ ผู้เขียนแนะนำให้หาครูหรือโค้ชผู้มีทักษะ ประสบการณ์ และความรู้ ด้านการเจริญสติและนพลักษณ์ ครูและโค้ชที่มีทักษะในการฟังคุณได้อย่างเต็มที่ ไม่คิดแทน ตั้งคำถามเป็น ไม่ตัดสิน เป็นผู้ที่คุณสามารถเชื่อถือได้ และเป็นผู้ปฏิบัติเฉกเช่นที่ได้ให้คำแนะนำกับผู้อื่น
—————
ติดตามตอนต่อไป: หนทางไปสู่อิสระและผ่อนคลายจากตัวตน จากการศึกษานพลักษณ์ด้วยแนวทางแห่งสติ
…
ผู้เขียน เกศสุดา ชาตยานนท์ บุญงามอนงค์ ครูเกด
ครูผู้มีประสบการณ์ในการสอนการเจริญสติ และโยคะมามากกว่า 20 ปี ผู้เขียนหนังสือ”โยคะแห่งสติ” และครูผู้สอนนพลักษณ์มา 17 ปี ครูเกดนำทั้งสองศาสตร์นี้ไปใช้ในงานบำบัดและการให้คำปรึกษากับผู้ที่มีความเครียด ทางจิตใจและร่างกาย ปัญหาในความสัมพันธ์และการพัฒนาตนเอง