ผมเห็นสีของท้องฟ้าเปลี่ยนไป ชีวิตผมเบาขึ้น และจับพลัดจับผลูเขาก็โชคดีได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า enneagram ได้รู้ว่าปราชญ์โบราณมีการครุ่นคิดเกี่ยวกับแรงผลักดัน ๓ อย่างอันทำให้คนแต่ละคนมีพฤติกรรมต่าง ๆ นา ๆ คือความกลัว, ความละอาย และความโกรธ ซึ่งแรงผลักดัน ๓ ชนิดนี้มีในทุกคนในสัดส่วนมากน้อยต่างกัน พิเคราะห์แล้วท่านก็จำแนกลักษณะมนุษย์ออกเป็น ๙ ลักษณ์เด่น และแต่ละลักษณ์ก็จะมีพฤติกรรมข้างเคียง (wing) และชั่วขณะที่มีสภาวะมั่นคงหรือสภาวะเสี่ยงพฤติกรรมของลักษณ์นั้นจะผันแปร (arrow) ไปยังลักษณ์อื่นที่สอดคล้องด้วย
ความน่าสนใจของลักษณะทั้ง ๙ หรือนพลักษณ์นี้ อยู่ที่ปริมาณของแรงกระตุ้นและส่วนผสมของมันสามารถแตกไลน์ (variation) ไปได้นับอนันต์ มันจึงเป็นศาสตร์ชนิดที่แม้จะกรุ๊ปให้ง่ายต่อการศึกษาแต่ยังรักษาความแตกต่างยิบย่อย
ของแต่ละปัจเจกเอาไว้ได้ – นั่นข้อหนึ่ง
แต่ที่น่าสนใจจนต้องมานั่งเคาะแป้นโพสต์ให้อ่าน ก็เพราะ enneagram ในสองวันที่ผ่านมา ช่วยให้เขามองเห็นตัวเองได้ชัดขึ้น มันมีคำอธิบายพฤติกรรมในอดีตราวกับว่าเขาเป็นก้อนโรตีที่ถูกอาบังฟาดสะบัดลงบน
โต๊ะ ได้รู้ว่าที่จริงแล้ว กรูก็ไม่ได้แน่อะไรนัก และคนในลักษณ์อื่น ๆ ก็เข้าท่าน่าคบได้พอ ๆ กับลักษณ์ของกรู สรุปคือ ไม่เคยรู้สึกว่าถูกตีแผ่หมดเปลือกขนาดนี้
มันเป็นศาสตร์ที่มนุษย์ทุกคนควรรู้นะ รู้เพื่อจะได้รู้ว่ามนุษย์ทุกคนก็เก่ง ดี วิเศษ และโง่ เลว ระยำได้พอ ๆ กัน ไม่ต่างกัน นอกจากจะช่วยให้เราเหยี่ยบยืนบนโลกได้มั่นคงขึ้นแล้ว ความเข้าใจว่ามนุษย์เรามีความแตกต่างไม่ต่างกัน(อ่านแล้วงงไหม)จะช่วยให้มนุษย์ทุกคนมีเมตตาต่อกันได้ – จบดื้อ ๆ แค่นี้แหละ
– ขอบคุณ Kessuda Chataya ผู้จุดประกาย ชี้แนะและนั่งฟังอย่างอดทน